ปัจจุบันมีกระเบื้องปูพื้นหลายประเภท หลากสีสัน และมีลวดลายให้เลือกมากขึ้น รวมไปถึงกระเบื้องห้องน้ำสวยๆ ที่สามารถเลือกให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน ความชอบส่วนตัวของเจ้าของบ้าน หรือแม้แต่การเลือกให้ตรงการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
หากกำลังปวดหัวกับการเลือกปูกระเบื้องห้องน้ำแบบไหนดี เรามีวิธีการเลือกกระเบื้องห้องน้ำให้เหมาะกับบ้านมากที่สุด โดยพิจารณาดังต่อไปนี้
1. เลือกประเภทของกระเบื้อง
ประเภทของกระเบื้องที่เหมาะต่อการนำมาปูพื้นห้องน้ำนั้นมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ

- กระเบื้องแกรนิตโต้

- กระเบื้องพอร์ซเลน
กระเบื้องทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นที่นิยมในการทำห้องน้ำ ด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง กันลื่น และยังซึมน้ำต่ำ ในขณะที่กระเบื้องเซรามิกมีราคาถูก ทำความสะอาดง่าย แต่มีความลื่น ทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ง่าย ส่วนกระเบื้องโมเสกแม้จะมีความสวยงาม แต่ทำความสะอาดได้ยาก จึงไม่เหมาะนักหากจะนำมาปูพื้นห้องน้ำ
2. ขนาดกระเบื้อง
อีกปัญหาของกระเบื้องในห้องน้ำคือ คราบสกปรกตามร่องยาแนว กระเบื้องขนาดใหญ่จะทำให้ช่องของร่องยาแนวน้อยกว่ากระเบื้องขนาดเล็ก และกระเบื้องขนาดใหญ่ยังใช้จำนวนแผ่นน้อยกว่าอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นกระเบื้องตัดขอบ ก็จะยิ่งทำให้ปูกระเบื้องแต่ละแผ่นได้ชิดติดกันมากขึ้น ช่วยลดช่องว่างของเส้นยาแนวลง

3. สีของกระเบื้อง
สีของกระเบื้องก็มีผลต่อความสะอาดของน้ำเช่นกัน หากเลือกปูกระเบื้องห้องน้ำโทนสีเข้ม เช่น สีน้ำเงิน สีเทา หรือกระเบื้องสีดำ จะเห็นร่องรอยของคราบสบู่ และครีมต่างๆได้ชัดเจนกว่า แต่ถ้าเลือกกระเบื้องสีอ่อน อย่าง กระเบื้องสีขาว กระเบื้องสีครีม จะทำให้สามารถเห็นคราบสกปรกและทำความสะอาดได้ง่ายกว่ากระเบื้องสีเข้ม ยิ่งไปกว่านั้นคือ กระเบื้องสีอ่อนช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นด้วย

4. ความลื่น
กระเบื้องห้องน้ำที่ดี ต้องไม่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ ลักษณะของกระเบื้องอาจจะมีความด้านได้ แต่จะต้องไม่หยาบที่ทำความสะอาดยาก หรือรู้สึกเจ็บเมื่อลงเท้าย่ำกับพื้น ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อกระเบื้อง ควรสังเกตค่ากันความลื่น (Slip Resistance) โดยจะต้องมีค่ากันความลื่นระหว่าง R1-R13 และค่ากันลื่นที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการปูพื้นห้องน้ำคือกระเบื้องที่มีค่ากันความลื่นอยู่ที่ระดับ R10
ปูกระเบื้องห้องน้ำอย่างไรให้ทำความสะอาดง่าย
การปูกระเบื้องห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการจ้างช่างปูพื้นหรือปูพื้นห้องน้ำด้วยตัวเอง ควรคำนึงถึงในความง่ายต่อการทำความสะอาด โดยมีเทคนิคง่ายดังนี้
1. ใช้ยากันแนวกันเชื้อรา
โดยเลือกใช้ยากันแนวกันเชื้อราที่มีส่วนผสมของสารไมโครแบน ที่มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อราและแบคทีเรีย ไม่ให้ก่อตัวบนร่องกระเบื้องที่มีการลงยาแนวไว้
2. ใช้น้ำยาเคลือบกระเบื้อง
ในท้องตลาดทั่วไปมีน้ำยาเคลือบกระเบื้องที่หาซื้อได้ง่าย และมีหลากหลายให้เลือกตามความเหมาะสมต่อการใช้งาน และตามวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบกันลื่น เคลือบเงา เคลือบกันน้ำซึม หรือเคลือบกันน้ำเกาะพื้นผิวก็ตาม และมีหลากหลายยี่ห้อ หลายบริษัทที่ผลิตออกมาจำหน่าย โดยที่คุณสามารถเลือกใช้อะไรก็ได้ แต่น้ำยาพวกนี้จะมีระยะเวลาของมัน ไม่ได้เคลือบถาวร ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาด และเคลือบห้องน้ำใหม่ทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อประสิทธิภาพของน้ำยาเคลือบ
3. แบ่งโซนเปียกและแห้ง
การแบ่งฝั่งเปียกและฝั่งแห้งอย่างชัดเจน จะช่วยจำกัดขอบเขตของความเปียก และคราบสกปรก ทำให้บริเวรที่ต้องทำความสะอาดน้อยลง ประหยัดแรงและเหนื่อยน้อยลงด้วย ส่วนพื้นโซนแห้งแค่ปัดกวาดเล็กน้อย ก็สะอาดแล้ว การแยกโซนแห้งและเปียกทำได้ง่าย เพียงแค่หาฉากมากั้น หรือติดม่านกันน้ำ ก็ช่วยกันน้ำกระเซ็นได้แล้ว

เพราะห้องน้ำก็เป็นอีกห้องสำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจ เป็นห้องที่รวมความสกปรกและเชื้อโรค จึงต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ กระเบื้องห้องน้ำก็เป็นอีกตัวช่วยที่ดี สำหรับให้ห้องน้ำดูสะอาด ทำความสะอาดง่าย แข็งแรง และใช้งานได้นาน ที่สำคัญต้องไม่มีความลื่นเมื่อเปียกน้ำ เพราะมีผลต่อความปลอดภัยของสมาชิกในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ