Close
Thailand and the world with daily News updates including news, articles.
About       Advertising       Contact

วิธีทาลิปแมทให้สวย

“ลิปแมท”เป็นลิปที่มียอดขายติดเป็นอันดับต้นๆในประเทศไทย เรียกได้ว่าลิปแมทคือคู่ขวัญคู่กระเป๋าสาวไทยเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสาวๆสายฝอ 

ลิปแมทหรือลิปเนื้อแมทคือลิปที่มีเนื้อด้าน ไม่มีความแวววาวหรือฉ่ำน้ำใดๆ แต่จะให้เม็ดสีชัดมาก เนื้อแน่น ลิปเนื้อแมทติดทน ทาแล้วให้ลุคสาวมั่น ลึกลับ น่าค้นหา เหมาะมากกับสาวๆสายฝอ แต่ไม่เหมาะเท่าไรกับสาวที่มีริมฝีปากแห้งหรือริมฝีปากลอกง่าย เพราะจะเห็นร่องปากชัดและลอกเป็นขุยๆทำให้ดูไม่สวยงาม 

เมื่อก่อนสีลิปmatteส่วนใหญ่จะออกแนวเข้มๆดาร์กๆ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการผลิตลิปแมทให้มีสีหลากหลายขึ้น ทั้งสีหวาน สีตุ่น สีสด ดังนั้นจะลุคหวาน ลุคแซ่บ หรือเผ็ดซี๊ด ลิปแมทก็เอาอยู่ และด้วยลิปแมทติดทนนาน ติดแน่น ทำให้ไม่ต้องเติมบ่อยๆ ทำให้ทั้งสาวสายเกาและสายฝอหลงรักลิปแมทและเทใจให้โดยไม่ลังเล 

แต่ด้วยข้อจำกัดที่เนื้อแห้งด้านนี่เอง ที่ทำให้สาวๆริมฝีปากแห้งหรือลอกง่ายต้องอกหัก เพราะต่อให้รักมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ไหวเมื่อทาแล้วเห็นรอยแตกแห้งและร่องปากเด่นชัด แต่เมื่อซื้อมาแล้วจะทำอย่างไรล่ะ จะทิ้งก็เสียดายและยังมูฟออนจากความแมทไม่ได้ ก็แหม..ผู้หญิงนี่คะ อะไรสวยอะไรดี ก็อยากเก็บ อยากเก็ทไว้ได้ใช้แต่งเติม 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ผลิตลิปสติกหลายแบรนด์มีการผลิตและจำหน่ายลิปจุ่มเนื้อแมท เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ให้แก่สาวๆ โดยลิปจุ่มที่ว่านี้จะให้ความชุ่มชื้น เกลี่ยง่ายทาสบายมากขึ้น แต่ยังคงคุณสมบัติความเป็นแมทอยู่ คือเนื้อมีเม็ดสีแน่น สีชัด ติดทน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความด้านเมื่อแห้งสนิท และเป็นคราบเป็นก้อนได้ หากพื้นฐานสุขภาพริมฝีปากไม่พร้อม แต่สำหรับผู้ที่ชอบฟินิชลุคแแบบแมทและใช้เป็นประจำคงรู้เทคนิคการทาให้สวยเนียนแล้ว แต่สำหรับใครอีกหลายคนที่อยากรู้วิธีทาลิปแมทให้สวย ให้เนี๊ยบ ให้เลิศ ปังเป๊ะ เหมือนช่างแต่งหน้ามือโปรมาเองต้องทำยังไง ตามมาเลยค่ะ 

ทาลิปแมทอย่างไรให้สวย ไม่ตกร่อง 

ไม่เพียงแต่คิ้วเท่านั้นที่เป็นมงกุฏของใบหน้า แต่รูปปากที่สวยเด่นชัดจากการทาลิปสติกได้เรียบเนียนก็สามารถเพิ่มเสน่ห์ให้สาวๆได้ไม่เช่นกัน โดยเริ่มจาก…

  1. สครับริมฝีปากก่อนทำการแต่งหน้า แล้วเช็ดออกด้วยทิชชู่เปียก แต่สำหรับสาวใดที่มีสุขภาพริมฝีปากดีอยู่แล้ว ไร้ปัญหาเรื่องปากแห้งปากแตก อาจทำหรือจะข้ามขั้นตอนนี้ก็ได้ ซึ่งการสครับริมฝีปากนี้ควรทำบ่อยๆ สามารถทำเมื่อเวลาอาบน้ำหรือช่วงเวลาสะดวก นอกเหนือก่อนการแต่งหน้า เพื่อขจัดคราบรอยแตกแห้งและให้ปากมีความเนียนนุ่มพร้อมลงสีลิปได้เนียนกริ๊บอยู่เสมอ โดยการนำปิโตเลียมเจลลี่หรืออาจผสมกับน้ำตาลแล้วแต้มทาปาก แล้วใช้แปรงสีฟันขนนิ่มขัดเบาๆ เพื่อให้แผ่นขุยที่แห้งแตกบนริมฝีปากหลุดออก จากนั้นใช้ทิชชู่ซับออกเบาๆ หรือล้างออกด้วยน้ำสะอาด อย่าเช็ดหรือถูแรงๆเด็ดขาด เพราะจะทำให้ริมฝีปากสวยๆช้ำหรือห้อเลือดได้ อย่าลืมทาปิโตรเจลลี่หรือลิปบาล์มอีกครั้งโดยไม่ต้องเช็ดออกเพื่อบำรุงฝีปากให้ชุ่มชื่น
  1. ทาลิปบาล์มบำรุงฝีปากก่อนลงลิปสติก แล้วซับออกด้วยกระดาษทิชชู่เบาๆ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะช่วยบำรุงฝีปากให้ชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยให้เห็นสีเนื้อลิปสติกเด่นชัดอีกด้วย(ในกรณีทาลิปสีอ่อนหรือลิปกลอส) 
  1. ใช้แปรงคอนซีลเลอร์แต้มคอลซีลเลอร์ไล่แปรงระบายเบาๆให้ทั่วริมฝีปาก เป็นการรองพื้นปากก่อนลงสีลิป แต่ถ้าใครไม่มีคอลซีลเลอร์ก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้  
  1. ใช้ลิปดินสอหรือพู่กันเขียนขอบปากก่อนเพื่อไม่ให้สีเลอะเลยขอบปาก และยังช่วยเพิ่มความเด่นชัดของขอบปากทำให้ดูมิติมากขึ้น  
  1. แก้ปัญหาขอบปากด้านในเป็นคราบด้วยการใช้ลิปครีมที่มีสีเดียวกันหรือสีใกล้เคียงกับสีลิปแมทตัวหลัก ทาไว้ด้านในขอบปากก่อนลงลิปแมท
  1. การทาลิปแมท ให้ปาดเนื้อลิปส่วนเกินออกจากแปรงก่อน และทาเพียงบางๆบนริมฝีปาก แต่ถ้าใครยังไม่พอใจในการทาเพียงรอบเดียว ก็สามารถทาซ้ำได้ด้วยการลงซ้ำบางๆโดยไม่ต้องรอให้ลิปแห้ง 
  1. ใช้คอนซีลเลอร์กลบรอยเลอะ บางครั้งก็มีพลาดทาๆแล้วมันเลอะเลยออกนอกกรอบอย่างไม่ตั้งใจ ก็ใช้แปรงปัดคอนซีลเลอร์ปัดเบาๆเพื่อกลบรอย

**หากต้องการทาลิปแมทให้ได้ลุคสาวเกาหลี ปากดูระเรื่อสุขภาพดี ให้นำลิปทาปากด้านในแล้วใช้นิ้วเบลนด์ให้สม่ำเสมอ แต่ถ้าอยากได้ลุคแซ่บเนี๊ยบ หลังทาลิปแมทให้ใช้พู่กันหรือแปรงของลิปจิ้มจุ่มแต้มไฮไลต์ที่รอยหยักด้านบนและมุมปากจะช่วยเพิ่มมิติแลดูเนี๊ยบและน่าจุ๊บสุดๆ

ทาลิปแมทแบบนี้ไม่ปัง แต่พัง

  1. ทาลิปบนปากทันที ถ้าริมฝีปากไม่ได้สวยสุขภาพดี อย่าคิดพลีชึพด้วยการทาลิปแมทโดยไม่ทำการบำรุงใดๆริมฝีปากก่อน เพราะความแห้งและด้านของเนื้อลิปแมทจะเผยร่องปากและเศษซากขุยลอกออกมาประจานให้เสียสวยได้ 
  1. อยากทาลิปแมทสีแดงแต่ละเลงบนปากทันที ถ้ามือไม่โปรจริงๆมีเละได้นะคะ ทางที่ดีควรใช้ลิปไลเนอร์เขียนเก็บขอบริมฝีปากก่อนลงลิปแมท นอกจากเป็นการตีกรอบไม่ให้เขียนเลอะออกนอกริมฝีปากแล้ว ยังเป็นการเพิ่มเรเยอร์ช่วยให้ริมฝีปากดูมีมิติอีกด้วย
  1. ไม่ควรทาซ้ำเยอะๆแน่นๆหนาๆ เพราะมันจะพอกหนาจนดูเหมือนพอกปูนบนปาก และเมื่อเวลาผ่านไป ความแห้งของเนื้อลิปแมทจะทำให้ปากดูแห้งเหมือนคนขาดน้ำหรือคนป่วย 
  1. ใช้ทิชชู่ซับ ด้วยที่สาวๆอาจเคยชินกับการนำทิชชู่ซับหลังทาลิปเพื่อลดความมันและเป็นการช่วยเซตตัวให้ลิปครีมหรือลิปที่มีความมัน  แต่ลิปแมทมีความแห้งด้านอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องซับออกอีก จะยิ่งทำให้เนื้อลิปแห้งด้านและตกร่องปากได้ง่าย 
  2. เม้มปากหลังทาลิปแมท..ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเนื้อลิปแมทแห้งและเซตตัวเองได้เร็วอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเม้มปากอีก เพราะจะทำให้ปากแห้งมากเกินไป ดังนั้นไม่ควรเม้มปากหลังจากลิปเซตตัวแล้ว 

เติมลิปปากเป๊ะ ไม่มีโป๊ะ 

เมื่อเวลาผ่านไปสักครึ่งวัน หรือแม้แต่หลังการดื่มน้ำและทานอาหาร ก็จะมีลิปหลุดหรือเลือนออกไปบ้างต่อให้ลิปแมทติดแน่นทนดีแค่ไหนก็ตาม ซึ่งสาวๆส่วนใหญ่ก็จะทาลิปทับทันที ผลที่ได้คือเป็นคราบเป็นก้อน แต่การเติมลิปแมทให้สวยเรียบเนียนคือต้องเช็ดรอยลิปเดิมออก โดยอาจใช้ makeup remover ที่ลบเครื่องสำอางกันน้ำได้เช็ดออกเสียก่อน แต่ถ้าใครไม่สะดวกพกพา ก็สามารถใช้ลิปบาล์มทาทับลงไปแล้วใช้ทิชชู่เปียกเช็ดรอยลิปเก่าออกให้หมด ก่อนจะลงลิปบาล์มอีกรอบและเช็ดออก แล้วเติมลิปแมทเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพียงเท่านี้การเติมลิปแมทก็สวยปั๊วะแล้วค่ะ 

ทริคการเลือกลิปแมท 

ด้วยตลาดลิปสติกปัจจุบัน มีการผลิตและจำหน่ายลิปออกมาหลากหลาย รวมถึงชนิดและเนื้อลิปแมทด้วย เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานและความสะดวกของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น ลิปแมทกันน้ำ ลิปแมทจิ้มจุ่ม ลิปแมทจิ๋ว ลิปแมทจูบไม่หลุด และยิ่งตอนนี้ทุกคนล้วนต้องใส่แมสเมื่อออกนอกบ้านหรือเมื่อต้องไปทำงาน ก็ได้มีผู้ผลิตลิปแมทไม่ติดแมสออกมาจำหน่ายกันหลายแบรนด์ จนบางครั้งสาวๆก็ไม่รู้จะเลือกลิปเนื้อแมทยี่ห้อไหนดี 

แต่การเลือกลิปแมทที่จะไม่ทำให้ปาทิ้งก่อนหมดแท่ง คือการเลือกลิปที่ไม่มีเนื้อแมทมากจนเกินไป เพราะลิปบางตัวต่อให้โฆษณาว่าลิปมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงฝีปาก แต่เมื่อทาไปแล้วกลับแห้งแตกเป็นร่องหนักมาก เหมือนนำปูนแห้งมาฉาบบนปากเสียมากกว่า ดังนั้นเมื่อจะซื้อลิป ให้สวอชแล้วรอให้ลิปเซตตัวเพื่อดูว่าลิปนั้นมีความแมทขนาดไหน ให้เลือกที่เนื้อแมทแบบพอดีๆ ไม่แมทมากไปหรือฉ่ำน้ำจนใช้เวลาในการเซตตัวนานเกินพอดี

เลือกสีลิปแมทให้เข้ากับสีผิว

การเลือกสีลิปให้เข้ากับสีผิวนั้นสำคัญมาก เพราะต่อให้สีสวยเด่นแค่ไหน บางคนทาออกมาดูสวยเริศ แต่บางคนทาแล้วก็พังไม่ไหว

1.ผิวขาว สาวที่มีผิวขาวจะได้เปรียบกว่าสีผิวอื่นๆ เพราะสามารถทาได้ทุกสี ไม่ว่าจะสีอ่อน สีเข้ม สีนู้ด เรียกได้ว่ารอดทุกสี ไม่มีป่วยไม่มีดรอป อยู่ที่ต้องการฟินิชลุคแบบไหนในแต่ละวัน หากต้องการลุคหวานๆก็เลือกโทนสีส้มอมชมพู สีชมพูนม สีส้มอมแดง หรือต้องการลุคสวยดุฟาดก็เลือกสีแดง สีแดงสดไปเลย แต่สำหรับสาวผิวขาวที่ต้องการจะทาลิปแมทสีเข้ม ควรจะเฉดดิ้งใบหน้าเพิ่มเพื่อลดความดุที่อาจมากเกินไปลง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้หนุ่มๆไม่กล้าเข้าใกล้

2.ผิวสองสี / ผิวสีแทน  สาวๆที่มีผิวสองสีหรือผิวสีแทน เรียกได้ว่าเป็นสีผิวที่แต่งหน้าขึ้นดีมาก เข้าได้หลายเฉดสี แต่จะเหมาะกับสีส้มพีชเป็นที่สุด หรือสีแดงสด สีแดงอมส้มก็ปังมากเว่อร์  

3.ผิวคล้ำ สีลิปที่เหมาะกับสาวๆผิวคล้ำได้แก่ สีน้ำตาล สีแดงไวน์ สีแดงก่ำๆ จะช่วยขับผิวและทำให้ได้ลุคที่เซ็กซี่สุดๆ หากสาวคนไหนมีสีปากเข้มเหมือนสีผิวตัวทำให้ทาลิปแล้วกลืนไปหมด และไม่เห็นสีลิปสติกเท่าที่ควร ให้ใช้ลิปสีนู้ดเพื่อเป็นการปรับสีปากก่อนแล้วค่อยตามด้วยสีลิปแมทเข้มๆอีกครั้ง เพียงเท่านี้สาวปากคล้ำก็ทาลิปสติกได้สวยสมใจ

สนใจทำแบรนด์ลิปแมท

และถึงแม้ว่าในวงการเครื่องสำอางจะมีการแข่งขันสูงทางการตลาด แต่ก็ยังมีที่ว่างให้แบรนด์ลิปสติกได้เติบโต เนื่องจากเป็นสินค้าที่ขายง่าย ได้กำไรดี เพราะลิปสติกแท่งเดียว ไม่เคยพอสำหรับผู้หญิง การเลือกใช้ชนิดและสีลิปให้แมทช์กับลุค วัย และ สถานที่ รวมไปถึงแพ็กเกจของลิป ที่ผลิตออกมาให้มีความสวยงาม ความเก๋ ไอเดียแปลก พกพาสะดวก และมีหลายเรทราคาให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ ทำให้มีผู้สนใจที่จะทำลิปสติกขายหรือสร้างแบรนด์ลิปสติกเป็นของตัวเอง 

ปัจจุบันการจะเป็นเจ้าของแบรนด์ไม่ใช่เรื่องยากเช่นดังแต่ก่อน ที่จะต้องมีกิจการ มีโรงงาน พนักงานเป็นร้อย แต่ตอนนี้เพียงแค่มีเงินทุนสักก้อนในหลักพันก็สามารถเป็นเจ้าของแบรนด์ได้ ด้วยการหาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางและลิปสติกที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะจ้างผลิตอย่างเดียว หรือจ้างแบบครบวงจรที่เรียกว่า โรงงาน OEM / ODM ที่บริการให้ครบตั้งแต่ต้นจนจบ เริ่มตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์ให้ตรงกับไอเดียหรือความต้องการของผู้ที่ต้องการทำแบรนด์ลิป เลือกสูตรหรือคิดค้นสูตรใหม่ ผลิต ออกแบบแพ็กเกจ ขออย.ให้ผลิตภัณฑ์ และช่วยแนะนำเรื่องการตลาดให้เสร็จสรรพ เพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างแบรนด์ลิปแมทได้แล้ว 

การเริ่มธุรกิจจากสิ่งรักหรือจากสิ่งที่เคยเป็นผู้ใช้มาก่อน ก่อนจะผันตัวเป็นเจ้าของแบรนด์ลิปแมท เมื่อรักและชื่นชอบในการใช้ลิปแมท รู้วิธีการทาลิปแมทให้สวยได้อย่างไร รู้ข้อดีข้อเสียและความต้องการของผู้ใช้ลิปเนื้อแมท สิ่งเหล่านี้จะทำให้ลิปmattในแบรนด์มีความโดดเด่นและตอบโจทย์กับผู้บริโภค และการเลือกโรงงานผลิตลิปสติกมีมาตรฐานก็จะยิ่งส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้แบรนด์ลิปแมทเติบโตได้เร็ว 

เจ้าของแบรนด์ลิปแมทหลายคนหรือแม้แต่ดารา นักแสดง เซเลบ ที่เริ่มมาจากชอบใช้ลิปแมท และซื้อลิปแมทใช้มาแล้วเป็นร้อยเป็นพันแท่ง ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์เสียเอง ใช้มาเยอะ ซื้อมาเยอะ ทำให้มีประสบการณ์เยอะ ก็ก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์ลิปเสียเองเลยรออะไร ทำเองและใช้เอง เป็นการยืนยันถึงความมั่นใจในคุณภาพสินค้า เมื่อเจ้าของแบรนด์ทาลิปแมทได้ออกมาสวยขนาดนั้น แล้วสาวใดเล่าที่เห็นแล้วจะไม่อยากรีบซื้อลิปแมทมาทาให้สวยเหมือนเจ้าของแบรนด์ ไม่แน่อาจมีสาวคนใดคนหนึ่งที่กำลังอ่านบทความนี้ที่นอกจากจะทาลิปแมทได้สวยปังแล้ว จะเป็นว่าที่นักธุรกิจแบรนด์ลิปแมทเร็วๆนี้ก็เป็นได้

scroll to top