ร่างกายคนเรามี น้ำ เป็นส่วนประกอบ 70% และกิจกรรมในแต่ละวันก็ส่งผลให้เราสูญเสียน้ำออกไปไม่ใช้น้อย ๆ ทั้งในรูปแบบของเหงื่อ น้ำตา หรือ การขับถ่ายหนัก-เบา เราจึงต้องดื่มน้ำให้มากเพียงพอเพื่อทดแทนในส่วนนั้น และเราส่วนใหญ่ย่อมรู้กันดีว่า ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว หรือ 2 ลิตร / วัน แต่..การดื่มน้ำมากเกินพอดีที่ร่างกายต้องการ เสี่ยงต่อการเกิด “ภาวะน้ำเป็นพิษ” ได้
ภาวะน้ำเป็นพิษ หรือ Water intoxication คือ ภาวะที่ร่างกายมีน้ำสะสมมากเกินไป ส่งผลให้มีโซเดียมในเลือดต่ำ และทำให้ของเหลวในร่างกายไม่สมดุล อันเนื่องมาจากไม่สามารถกำจัดน้ำออกจากร่างกายได้ในอัตรปกติ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ มีอาการเหนื่อย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ทรงตัวไม่ได้ เดินเซ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เมื่อเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง

สามารถพบภาวะน้ำเป็นพิษได้ทั่วโลก เนื่องจากเกิดขึันได้กับทุกเพศทุกวัย แต่จะพบได้มากในผู้สูงอายุ เพราะขีดจำกัดในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่เสื่อมลง ทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดน้ำในร่างกายลดลงไปด้วย ยิ่งถ้ามีโรคประจำตัวเดิมอยู่ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เป็นต้น ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้สูงขึ้น และมักจะพบอาการในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย

ภาวะน้ำเป็นพิษ สาเหตเกิดจากอะไร
สาเหตุการเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ เนื่องจากดื่มน้ำมากเกินความต้องการของร่างกาย หรือกำจัดน้ำออกจากร่างกายได้น้อยกว่าปกติ (ทางไต / ทางปัสสาวะ) ทำให้มีปริมาณน้ำในเลือดมาก แต่โซเดียมในเลือดเจือจาง (Dilutional Hyponatremia) จนเกิดความไม่สมดุลของเลือดและของเหลวในร่างกาย
สาเหตุภาวะน้ำเป็นพิษที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ภาวะน้ำเป็นพิษในทารก ร่างกายเด็กอ่อนมีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณสูงถึง 75% จึงค่อนข้างมีความเสี่ยงสูงในการเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จากการดื่มน้ำมากเกินไป อีกทั้งเด็กอ่อนนั้นยังมีการเก็บสะสมโซเดียมในร่างกายได้น้อย ยิ่งเสี่ยงต่อการมีโซเดียมในเลือดต่ำได้ง่าย
- ภาวะน้ำเป็นพิษในผู้ป่วยจิตเวช มีผู้ป่วยจิตเวชหลายกลุ่มที่มักจะมีพฤติกรรมดื่มน้ำปริมาณมากแทบจะตลอดเวลา จนส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ
- ผู้ป่วยที่กินอาหารทางปากได้น้อย หรือกินทางปากไม่ได้เลย ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะได้รับอาหารและน้ำดื่มจากท่อให้อาหาร หรืออาจร่วมกับการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ จึงมักจะมีแนวโน้มทำให้มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำได้ง่าย เนื่องจากอาหารที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับ มักจะเป็นอาหารที่มีโซเดียมต่ำกว่าอาหารปกติทั่วไป
- นักกีฬาที่ใช้กำลังมาก เช่น นักไตรกีฬา นักวิ่งมาราธอน แข่งจักรยาน แข่งเรือพาย โดยนักกีฬากลุ่มนี้มักจะมีความกระหายน้ำมาก เนื่องจากมีการสูญเสียน้ำในรูปแบบของเหงื่อจำนวนมาก ทำให้มีการดื่มน้ำระหว่างเล่นกีฬา หรือระหว่างการแข่งขันมากเกินปกติ
- ผู้ที่ออกแรงมากหรือผู้ใช้แรงงาน คนที่ต้องออกแดดจัด รวมถึงผู้ที่ต้องทานยาบางประเภท เช่น กลุ่มยา MDMA ทำให้เสียเหงื่อมากขึ้นกว่าปกติ จึงมีความกระหายน้ำมาก และดื่มน้ำมากขึ้น
อีกปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ เนื่องจากการกำจัดน้ำออกร่างกายได้น้อยกว่าปกติ เช่น
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ กลุ่มโรคประจำตัวเหล่านี้ส่งผลต่อการสะสมน้ำในร่างกายได้สูง
- ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัยที่ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมลง จึงมีการกำจัดน้ำออกจากร่างกายได้น้อยลงตามไปด้วย ผนวกกับเป็นวัยที่มักจะมีโรคประจำตัวต่าง ๆ ยิ่งช่วยเสริมให้ก่อภาวะน้ำเป็นพิษได้ง่ายขึ้น

ภาวะน้ำเป็นพิษมีอาการอย่างไร
อาการของภาวะน้ำเป็นพิษที่สามารถพบได้ เช่น
- ปวดศีรษะรุนแรง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- กล้ามเนื้อกระตุก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เป็นตะคริว
- อาการทางสมอง สับสน มึนงง สมองบวม
- มีภาวะโซเดียมในเลือดต่ำมาก

ภาวะน้ำเป็นพิษ วิธีรักษาอย่างไร
- จำกัดปริมาณการดื่มน้ำ/ วัน ตามแพทย์สั่ง
- ให้ทานอาหารที่มีโซเดียม หรืออาหารรสเค็ม
- ให้ยาขับน้ำ / ขับปัสสาวะ
- ให้ยาเพิ่มโซเดียม เช่น ให้ยาเม็ด Sodium chloride หรือ ให้สารละลาย Sodium chloride ทางหลอดเลือดดำ ในกรณีมีโซเดียมในเลือดต่ำมาก ๆ
- รักษาประคับประคองอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวดศีรษะในกรณีปวดศีรษะรุนแรง ให้ยากันชัก กรณีที่มีอาการชัก เป็นต้น

ภาวะน้ำเป็นพิษ วิธีป้องกันอย่างไร
- ดื่มน้ำในปริมาณที่สมดุลกับร่างกายและกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
- กรณีเสียเหงื่อ เสียน้ำมาก เช่น ใช้แรงงานในการทำงาน เล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก ควรดื่มน้ำเกลือแร่ หรือเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา เพื่อรักษาความสมดุลของโซเดียมในเลือด
- กรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดการดื่มน้ำ ควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณน้ำดื่ม / วัน ให้เหมาะสมกับร่างกายตนเอง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- หมั่นสังเกตสีปัสสาวะบ่อย ๆ หากสีปัสสาวะจางมาก จนใกล้เคียงกับสีน้ำดื่ม แสดงว่าดื่มน้ำมากแล้ว
- ควบคุม ดูแลโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ และภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ
- เมื่อซื้อยากินเอง ต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน และลดโอกาสผลข้างเคียงต่าง ๆ จากยา