Close
Thailand and the world with daily News updates including news, articles.
About       Advertising       Contact

คนวัย 30+ ควรใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมอะไรเพื่อช่วยลดริ้วรอย

วันนี้เราจะมาชวนสู้รบปรบมือกับความเหี่ยวย่นของผิว ด้วยการเลือกใช้สกินแคร์ Anti-aging ที่จะเป็นตัวช่วยกอบกู้ผิวคนวัย 30+ ให้กลับมาเปล่งปลั่ง สวยโกงอายุ  

สำหรับผู้หญิง เมื่ออายุย่างเข้า 30+ จากที่เคยมีผิวเรียบเนียน สดใส แน่นตึง  แปรเปลี่ยนเป็นผิวที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยไปเสียได้ แม้ว่าจะต้องยอมรับความจริงของกาลเวลา แต่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ขอไม่ยอมรับริ้วรอยให้มาแปะอยู่ใบหน้าไปด้วยหรอกนะ

วันนี้เราจะมาชวนสู้รบปรบมือกับความเหี่ยวย่นของผิว ด้วยการเลือกใช้สกินแคร์ Anti-aging ที่มีส่วนผสมสำคัญ ที่จะเป็นตัวช่วยกอบกู้ผิวคนวัยสามสิบอัพให้กลับมาเปล่งปลั่ง เรียบเนียน สวยโกงอายุ โดยเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมต่อไปนี้ 

1. Retinol: ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันรูขุมขน 

ส่วนผสมที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยตัวแรก ๆ ที่สกินแคร์สำหรับวัย 30+ จะขาดไม่ได้ คือ Retinol (เรตินอล)  คุณสมบัติเด่น ๆ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และยับยั้งเอนไซม์ที่สลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยกระชับขึ้น นอกจากนี้ เรตินอลยังช่วยลดการอุดตันรูขุมขน และเร่งวงจรผลัดเซลล์ผิว ได้เซลล์ผิวใหม่ที่สุขภาพดีกว่ามาแทนที่เซลล์เก่าด้านบน ได้ผิวเรียบเนียน แลดูกระจ่างใสขึ้น 

ส่วนผสมอื่น ๆ ในกลุ่มเรตินอยด์ 

ส่วนผสมที่อยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ นอกจากจะมีเรตินอลแล้ว ยังมีตัวอื่น ๆ ที่อาจเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง เช่น Retinal, Retinyl Esters และ Retinoic acid เป็นต้น

วิธีใช้เรตินอล 

การใช้เรตินอลให้ได้ผลดี ควรใช้แค่ตอนกลางคืน เพราะจะทำให้ผิวเราไวต่อแสงแดดมาก และควรทากันแดดเป็นประจำ โดยการใช้สกินแคร์ที่มีเรตินอลควรทาหลังจากลงมอยเจอร์บำรุงผิว เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว และหลีกเลี่ยงใช้ร่วมกับกลุ่มผลัดเซลล์ผิวที่มี AHA และ BHA เพราะจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองมากขึ้น สามารถใช้ได้ทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหลังใช้ ว่าใช้แล้วผิวลอกหรือแสบหรือไม่ 

2. Ceramide: ชะลอริ้วรอย รักษาความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรง

โดยปกติผิวของเราจะมี Ceramide (เซราไมด์) ที่เป็นไขมันธรรมชาติเป็นส่วนประกอบประมาณ 47% โดย ceramide จะทำหน้าที่ยึดเซลล์ผิวให้อยู่ติดกัน เสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง ป้องกันอันตรายจากภายนอกมาทำร้ายผิว ซึ่งส่วนใหญ่จะทำงานร่วมกับคอลลาเจนที่มีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ช่วยเพิ่มความกระชับและทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ผิวดูเต่งตึง ล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวมีนุ่ม ไม่แห้งกร้าน มีสุขภาพดี แต่เซราไมด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้ สามารถลดลงได้ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น แสงแดด มลภาวะ และอายุที่เพิ่มขึ้น 

เชื่อว่าหลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าต้นเหตุที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อย คือ การสูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิว แต่รู้ไหมว่า ถ้าหากขาด Ceramide ก็ยิ่งทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย หรือมีริ้วรอยก่อนวัย เพราะผิวอ่อนแอ เนื่องจากขาดส่วนผสมที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิวอย่างเซราไมด์ 

วิธีใช้เซราไมด์ 

เซราไมด์ใช้ดีที่สุด คือ ใช้ทันทีหลังอาบน้ำ เพราะจะช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว ขอแนะนำให้ใช้เซราไมด์วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น โดยช่วงเช้าให้ใช้เซราไมด์เป็นตัวสุดท้ายก่อนจะทากันแดด ส่วนช่วงกลางคืนให้ใช้เซราไมด์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิวหน้า 

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ธัญพืช และช็อกโกแลตเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดี

3. Antioxidant: ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส 

อนุมูลอิสระ คือ ตัวร้ายฉกาจที่ทำให้คอลลาเจน และเส้นใยอีลาสตินในชั้นผิวถูกทำลาย ส่งผลให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ มีริ้วรอย และหย่อนคล้อย เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องหาสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti oxidant) เพื่อมาต่อต้านและช่วยชะลอปฏิกิริยา Oxidation ที่เกิดขึ้นในชั้นผิว ป้องกันไม่ให้เซลล์เสียหาย สารต้านอนุมูลอิสระที่มักจะมีในสกินแคร์ เช่น Resveratrol, Vitamin C, Vitamin E และ Green tea Extract (สารสกัดชาเขียว) เป็นต้น

วิธีใช้สกินแคร์ที่มี Antioxidant 

สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Antioxidant ไม่ว่าจะเป็นแบบเจล ครีม เซรั่ม หรือโทนเนอร์ ที่มีอยู่ทั้งหมด ให้เรียงการใช้โดยจากเนื้อบางไปจนถึงเนื้อหนักที่สุด จนครบถ้วน

โดยสกินแคร์ที่เลือกใช้ ไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมทั้ง 3 ตัวนี้ทั้งหมดก็ได้ แต่ถ้าได้มาครบภายในสกินแคร์ที่ใช้เป็นประจำ ถือว่าเลิศ เพราะได้บำรุงดูแลผิว 30+ แบบครบจบในขั้นตอนเดียว 

scroll to top