Close
Thailand and the world with daily News updates including news, articles.
About       Advertising       Contact

ทำไม วันคริสต์มาส ต้องเป็นวันที่ 25 ธันวาคม

เมื่อเข้าย่างเข้าสู่เดือนธันวาคม เชื่อว่าคริสต์มาสคือวันที่ใครๆก็รออย่างใจจดใจจ่อ เพราะเป็นเดือนแห่ง เทศกาลคริสต์มาส เทศกาลแห่งของขวัญ และ การรอคอยลุงซานต้า ชายแก่ผู้ใจดีในชุดสีแดง ขวัญใจเด็กๆทั่วโลก งานวันคริสต์มาส งานรื่นเริงที่จัดกันทุกวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี แท้จริงแล้วเป็นวันที่จัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่นะ 

ที่มาวันคริสต์มาส

วันคริสต์มาส คือ วันที่เฉลิมฉลองวันประสูติพระเยซู โดยชาวคริสต์เชื่อว่า เยซู ประสูติที่เมืองเบธเลเฮม ประเทศปาเลสไตน์ และเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันก็คืออิสราเอล แต่ไม่มีการบันทึกที่แน่ชัดว่าประสูติวันที่เท่าไรกันแน่ แต่ด้วยวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองของเทพกรีกนามมิทรัส ซึ่งตรงกับวันฉลองของชาวโรมันอยู่แล้ว และเพื่อที่จะได้ชักชวนชาวโรมันนอกศาสนา เข้าร่วมงานเทศกาลนี้ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นวันที่มีช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุด จึงกำหนดให้วันนี้เป็นวันสมโภชเยซูคริสต์ และเมื่อเวลาผ่านไป มีชาวคริสต์เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเฉลิมงานแบบดั้งเดิมได้เลือนหายไป เหลือเพียงแต่การจัดงานฉลองแบบใหม่อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

หากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 4 ชาวคริสต์ได้แบ่งออกเป็น 2 คริสตจักร และการเฉลิมฉลองวันสมภพของพระเยซูก็จะจัดไม่ตรงกัน โดยคริสตจักรตะวันตกนั้นจะอยู่ในกรุงโรม มีการจัดงานวันที่ 25 ธันวาคม ส่วนคริสตจักรตะวันออกซึ่งอยู่ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล หรือปัจจุบันก็คือ อิสตันบูล จะมีการจัดงานคริสต์มาสวันที่ 6 มกราคม และปัจจุบันก็ได้มีการจัดเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม – 6 มกราคม โดยชาวคริสต์จะกำหนดให้ช่วงเวลานี้เป็น “Epiphany” ที่มีความหมายว่า “การปรากฏ” คือการแสดงองค์ของพระเยซู หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “Theophany” หรือ “Three Kings’ Day” ด้วยอีกตำราได้กล่าวไว้ว่า เป็นวันที่มีเทพทั้ง 3 ได้เข้าทำการเข้าพบกุมารเยซู ในวันที่ประสูติ ซึ่งวันนี้ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของพิธีกรรมการล้างบาป  

คริสต์มาสจะเริ่มขึ้นในตอนเย็นของวันคริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ธันวาคม หรือก่อนวันคริสต์มาส 1 วัน โดยเด็กๆจะแขวนถุงเท้าวันคริสต์มาสไว้หน้าเตาผิงเพื่อรอของขวัญจากลุงซานต้า ส่วนในรุ่งเช้าวันคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม สมาชิกในครอบครัวจะอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ทำกิจกรรมและรับประทานอาหารค่ำมื้อพิเศษร่วมกัน ส่วนใหญ่เมนูอาหารวันคริสมาสต์ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “ไก่งวง” และเครื่องดื่มประเภทต่างๆ

สีวันคริสต์มาสที่นิยมจะมี 4 สีด้วยกัน ได้แก่

  • สีแดง เป็นสีของผลฮอลลี่ หมายถึง ไฟ ความอบอุ่นของไฟ ซานตาคลอสที่สวมชุดแดง สีประจำเดือนธันวาคม 
  • สีเขียว เป็นสีของต้นไม้ ต้นสน สัญลักษณ์ของธรรมชาติ หมายถึง ความหวัง เปรียบเทศกาลคริสต์มาส คือ เทศกาลแห่งความหวัง 
  • สีขาว เป็นสีของหิมะ หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความสุข แสงสว่าง
  • สีทอง เป็นสีของแสงเทียน และดวงดาว หมายถึง ความสว่างไสว ความรุ่งโรจน์ และแสงของพระอาทิตย์ 

สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส

เราจะรู้กันอยู่แล้วว่าเมื่อถึงเดือนธันวาคม ก็เริ่มย่างเข้าสู่เทศกาลวันคริสต์มาส แต่ก็จะมีสิ่งที่คอยบ่งบอกให้เรารู้ได้ว่า เทศกาลความสุขนั้นกำลังจะถึงในไม่ช้าแล้ว จากสัญลักษณ์ต่างๆเหล่านี้

ต้นคริสต์มาส

ต้นคริสต์มาสที่ชาวคริสต์เชื่อว่าเป็นต้นไม้แห่งสวรรค์ ที่อดัมและเอวาได้ไปหยิบผลต้องห้ามมากิน และในคัมภีร์ได้มีการเปรียบพระเยซูเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ที่มีสีเขียวทุกฤดูกาล เป็นสีแห่งความหวังและนิรันดร์ และประดับไปด้วยแสงสีทองอันสว่างไสว 

สิ่งที่เป็นเครื่องประดับวันคริสต์มาสและจะขาดไม่ได้เลยคือ ต้นสนวันคริสต์มาส เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาได้ง่ายในทวีปยุโรปและอเมริกา ซึ่งในยุคแรกๆจะตกแต่งด้วยแอปเปิลและขนมปัง เพื่อแทนศีลมหาสนิท (Holy Communion) เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ในการเข้าทำการใกล้ชิดพระเยซู ด้วยการกินขนมปังและดื่มไวน์ จวบจนเวลาผ่านไป ได้มีการตกแต่งต้นสนด้วยกล่องของขวัญ ถุงเท้า และประดับด้วยแสงไฟหลากสี 

ช่วงเดือนธันวาคมอยู่ในช่วงฤดูหนาวอันยาวนาน พื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ตัดกับความมืดของเวลากลางคืนที่ยาวนานกว่าช่วงเวลากลางวัน ทำให้พืชผลทางการเกษตรไม่สามารถเติบโตและเก็บเกี่ยวได้ ประชากรส่วนใหญ่ที่มีอาชีพทำเกษตรกรรมและฟาร์ม ต้องหยุดพักการเก็บเกี่ยวและงานในฟาร์ม และเฝ้ารอให้ถึงฤดูที่สามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างมีความหวัง ดังนั้น จึงนำต้นไม้ที่มีสีเขียว ซึ่งเป็นสีแห่งความหวัง สีแห่งความอุดมสมบูรณ์ มาเป็นเครื่องประดับและเป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาส และประดับด้วยแสงไฟ เพื่อแทนแสงสว่าง แสดงถึงความรุ่งเรือง ที่จะมาถึงอีกไม่นาน และเป็นสัญลักษณ์ของแสงดวงอาทิตย์ 

ซานตาคลอส

ซานตาคลอส ชายสูงวัยใจดีในชุดสีแดง ที่เริ่มจากเซนต์ นิโคลาส สังฆราชแห่งเมืองไมรา นักบุญผู้อุปถัมภ์ของเด็กๆยากจน ที่ชาวฮอลแลนด์ให้การนับถือ ได้ชื่อว่าเป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะได้ปีนลงปล่องไฟเพื่อที่จะให้ถุงเงินกับเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง ทำให้เป็นที่มาของซานตาคลอสคนแรก ซึ่งมีการเรียกชื่อเพี้ยนจาก นิโคลาส เป็น ซานตาคลอส และที่จริงนักบุญนิโคลาสไม่ได้เป็นชายอ้วน ไม่ได้สวมชุดสีแดง แต่ได้มีการผิดเพี้ยนมาจากที่บริษัท โคคา-โคล่า ได้ทำการจัดงานแล้วใช้สีแดงที่เป็นสีสัญลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสีชุดของซานตาคลอส จึงเป็นภาพจำของซานตาคลอสสวมชุดสีแดงมาจนถึงปัจจุบัน 

ถุงเท้า

จากที่เซนต์นิโคลัส ได้ทำการปีนปล่องไฟเพื่อลงไปจะให้ถุงเงินกับเด็กหญิงยากจนคนหนึ่ง แต่ถุงเงินกลับกระเด็นไปตกในถุงเท้าที่แขวนไว้หน้าเตาผิง และเมือเด็กหญิงตื่นมาพบถุงเงินในถุงเท้าจึงดีใจมาก และเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทำให้ใครๆก็อยากได้บ้าง และเป็นที่มาของการแขวนถุงเท้าหน้าเตาผิงในวันคริสต์มาส 

ต้นฮอลลี่

ต้นไม้เลื้อยพุ่มเตี้ย อีกสิ่งสัญลักษณ์วันคริสต์มาส ด้วยต้นฮอลลี่มีใบสีเขียวที่เปรียบความหวังและนิรันดรภาพ ส่วนผลสีแดงเปรียบกับเลือดของพระเยซูที่หยดลงบนไม้กางเขน และหนามบนใบฮอลลี่ ก็เปรียบได้กับมงกุฏที่ทหารโรมันได้สวมบนศีรษะเยซู ต้นฮอลลี่จึงเหมือนสัญลักษณ์ความรักต่อพระเจ้า 

ระฆังคริสต์มาส

เสียงระฆังในวันคริสต์มาส คือ การเฉลิมฉลองให้กับการประสูติของเยซูกุมาร ซึ่งมีการเล่าต่อกันมาว่า การตีระฆังช่วงก่อนเวลาเที่ยงคืนในวันคริสต์มาส เพื่อป้องกันพลังชั่วร้าย ก่อนที่พระเยซูจะมาช่วยไถ่บาปให้กับมนุษย์ และระฆังนี้มีเสียงดังกังวานนานนับชั่วโมง ซึ่งจะกลับกลายมาเป็นเสียงแห่งความสุข

แอปเปิลและเครื่องประดับ

มีการนำแอปเปิลมาประดับต้นไม้ เพื่อจำลองให้เหมือนกับต้นแอปเปิลบนสวรรค์ และเสริมด้วยเครื่องประดับชิ้นเล็กๆเข้าไป เมื่อโดนแสงไฟ ก็จะทำให้มีการสะท้อนแสงระยิบระยับ ดูคล้ายสีทอง และสวยงาม 

ของขวัญ และ การทําการ์ดคริสต์มาส

วันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญทางศาสนาของชาวคริสต์ ศาสนาที่เต็มไปด้วยความรัก ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ กิจกรรมของทางคริสต์จึงเน้นไปทางการแสดงความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อพระเยซู ความรักต่อครอบครัว ความรักต่อเพื่อนบ้าน ความรักจากผู้ใหญ่ต่อเด็กๆ รวมไปถึงกิจกรรมที่ครอบครัวจะใช้เวลาร่วมกันในวันนี้ การมอบความสุข ความรัก มอบการ์ดคริสต์มาสสวยๆอวยพร รวมถึงของขวัญ และเพราะความรักไม่จำกัดศาสนา ทำให้หลายๆประเทศที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ ก็มีการรับวัฒนธรรมคริสต์มาส ด้วยการส่งการ์ด หรือมอบของขวัญในวันคริสต์มาส เพื่อแสดงความรัก ความปรารถนาดีต่อกันทั่วโลก

เพลงวันคริสต์มาส

ก่อนนี้เพลงที่ใช้ในวันคริสต์มาส จะมีทั้งที่เป็นภาษาละติน และภาษาพื้นเมือง ซึ่งมีเพลงหนึ่งที่แต่งในสมัยนั้น และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบันคือเพลง Oh Come All Ye Faithful ในภาษาละติน เพลงคริสต์มาสที่นิยมร้องมากที่สุดในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีการแต่งขึ้นในประเทศอังกฤษ และประเทศเยอรมนี ส่วนเพลงที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ เพลง Silent Night และ Holy Night และแน่นอนเพลงที่คุ้นหูกันดี คือเพลง Jingle Bells แค่ได้ยินเสียงอินโทรขึ้นมา ก็แทบจะร้องตามกันได้ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ

การเฉลิมฉลองงานคริสต์มาสจะมีทั้งในแบบดั้งเดิมและในรูปแบบใหม่ ซึ่งปัจจุบันจะอยู่ในรูปแบบการฉลองแบบใหม่ ด้วยการมอบการ์ดวันคริสต์มาสอวยพรให้กับคนรู้จัก ให้ของขวัญกับสมาชิกในครอบครัว หรือกิจกรรมการแลกเปลี่ยนของขวัญวันคริสต์มาสแทบทั่วโลก ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแต่ชาวคริสต์เท่านั้น การตกแต่งประดับประดาสถานที่ต่างๆอย่างสวยงาม นอกจากนี้ ช่วงเทศกาลคริสต์มาสยังมีผลต่อเศรษฐกิจ ด้วยเงินหมุนเวียนจากการจับจ่ายซื้อของขวัญของตกแต่งต่างๆ รวมไปถึงการสะพัดของเม็ดเงินจากการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดยาวอีกด้วย 

ประเทศไทยก็รับวัฒนธรรมและมีการจัดวันคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนานทั่วประเทศกันทุกปี แต่ด้วยวันคริสต์มาส 2564 นี้ อาจจะไม่คึกคักเหมือนอย่างเคยด้วยสถานการณ์โควิด ส่งผลต่อการเดินทางท่องเที่ยว และเศรษฐกิจที่อาจซบเซาลง แต่ก็ยังสามารถทำการ์ดวันคริสต์มาสส่งกำลังใจต่อกันได้ ทั้งในทางออนไลน์ หรือจัดส่งของในวันคริสต์มาสด้วยระบบขนส่งแทน และสำหรับใครที่ชอบไปเที่ยวต่างประเทศช่วงคริสต์มาส เพื่อให้ได้สัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสอย่างแท้จริง ก็เปลี่ยนมาเป็นท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการช่วยฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศแทน และเที่ยวแบบวิถีใหม่ เที่ยวอย่างปลอดภัยแบบ New Normal … สุขสันต์วันคริสต์มาส

scroll to top