Close
Thailand and the world with daily News updates including news, articles.
About       Advertising       Contact

DEMM กลยุทธ์เพิ่มทักษะให้สมอง 

A clever person solves a problem. 

A wise person avoids it. 

(Albert Einstein) 

คนฉลาดรู้วิธีแก้ปัญหา คนมีปัญญาป้องกันการเกิดปัญหา 

มีการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาสมองของคนเราว่าสามารถพัฒนาได้จนถึงขีดจำกัดแค่ไหน หรือมีขอบเขตอายุที่สมองจะหยุดพัฒนาเมื่อไร และงานวิจัยก็ได้ผลออกมาว่า สมองของคนเราสามารถพัฒนาได้ตลอดอายุขัย หรือจนกว่าเราจะตายไปนั่นเอง 

มีหนังสือวิชาการและงานวิจัยมากมายของหลายๆประเทศที่เกี่ยวกับการพัฒนาสมอง และหนึ่งในนั้นคือ “Working Memory” หรือ “หน่วยความจำใช้งาน” 

Working Memory เปรียบได้กับ RAM ในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ หากเราใช้โทรศัพท์ที่มี RAM น้อย โทรศัพท์จะหน่วงๆ อืด ช้า ร้อนและรวนง่าย พอเปิดใช้งานหลายๆแอพโหลดนานมาก หมุนวนยังกับเล่นสะกดจิตตัวเอง แถมแบตเตอรี่ก็หมดเร็วด้วย ยิ่งเกิดตอนเวลาใช้งานสำคัญๆ แทบจะปาโทรศัพท์ให้สุนัขกัดแทะเล่นกันเลย 

คนที่ Working Memory ต่ำก็เช่นกัน จะคิดอะไรก็คิดไม่ค่อยได้ สมาธิหลุดง่าย ย้ำคิดย้ำทำ วนอยู่ในอ่าง มองธรรมชาติและภาพรวมสิ่งต่างๆไม่ทะลุ แต่จะไปคิดเล็กคิดน้อยจุกจิก ชอบให้ผู้อื่นคิดเหมือนตน มีความย้อนแย้งในตัวเองสูง เมื่อแก้ปัญหาไม่ตก ก็ทำให้เครียดง่าย หัวร้อนง่าย  และเมื่อเกิดความเครียดบ่อยๆ อาจสะสมจนเป็นโรคประสาทหรือโรคจิตกันไป 

สำหรับคนที่มี Working Memory สูง จะเรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็ว เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ก็สามารถทนรอได้ เข้าใจในธรรมชาติของมัน หยุดคิดได้ แก้ปัญหาเก่ง แยกแยะออกและเรียงความสำคัญในสิ่งต่างๆได้ สิ่งไหนมีประโยชน์ควรเก็บควรจำ สิ่งไหนควรปล่อยทิ้งไป ทำให้มีภาวะเครียดน้อย มีความจำดีขึ้น และสามารถจำได้ในระยะยาว

ถ้ามีคำถามว่าเราจะพัฒนาสมองได้อย่างไรบ้าง มีคำตอบมากมายและหลายวิธีที่จะช่วยพัฒนาสมองให้เหมาะสมกับวัยและตัวบุคคล แต่เราจะมากล่าวถึงกลยุทธ์หนึ่งที่เรียกสั้นๆว่า DEMM 

DEMM คืออะไร 

DEMM คือ กิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมองได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยแยกเป็นกิจกรรมต่างๆได้ดังนี้ 

D   ย่อมาจาก   Dual N Back 

E   ย่อมาจาก   Exercise

M  ย่อมาจาก   Mindfulness 

M  ย่อมาจาก   Moral 

1.Dual N Back  คือเกมส์ชนิดหนึ่งที่ได้รับการวิจัยว่าสามารถเพิ่มทักษะของสมองได้ โดยเฉพาะ working memory ซึ่งเดี๋ยวนี้มีเกมส์ในโหมดนี้ให้โหลดมาเล่นในมือถือมากมาย เล่นแรกๆอาจจะงงๆหน่อย แต่เมื่อเล่นไปจนเข้าใจแล้ว จะรู้สึกสนุกขึ้น โดยอาจแบ่งเวลาเล่นสัก 20 นาที / วัน 

เรามีตัวอย่างให้ลองคิดเล่นๆกันดูสักหน่อย…

1+4 = 5  ,  2+5 = 12  ,  3+6 = 21  ,  8+11 =  ?

2.Exercise คือการออกกำลังกายแบบ cardio เช่น การวิ่งทน วิ่งช้าๆแต่นาน หรือการเดินเร็วๆวันละ 30 นาที เป็นเวลา 5-6 วัน / สัปดาห์ จะส่งผลให้หัวใจแข็งแรงขึ้น เคมีในสมองสมดุลเพราะการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ออกซิเจนและสารอาหารก็ส่งไปยังสมองดีขึ้นด้วย

3.Mindfulness การทำสมาธิ หรือการเจริญสมาธิภาวนา ผลการวิจัยรองรับแล้วว่า การทำสมาธิช่วยให้สมองมีปัญญาเฉียบคมขึ้น บางคนอาจต้องทำงานจนไม่มีเวลานั่งสมาธิเป็จกิจลักษณะ หรือบางคนอาจไม่สะดวก แต่การฝึกสติสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการกำหนดสติให้อยู่กับลมหายใจตลอดเวลา รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังเดินอยู่ กำลังนั่งอยู่ รู้ตัวในทุกๆอริยาบท แรกๆอาจฝึกได้ช้า อาจต้องหลับตาภาวนา แต่เมื่อฝึกจนชินแล้ว จะสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องหลับตา แม้ขณะเข้าห้องน้ำ เดินไปซื้อของก็ยังสามารถทำได้ หรือแม้แต่ขณะที่กำลังโมโหหรือใครมาหาเรื่องเรา เราก็รู้ตัวว่ากำลังโมโห จนความโมโหสลายไปเอง 

4.Moral  การเพิ่มระดับศีลธรรม โดยการรักษาศีล5  ศีล8 หรือบัญญัติ 10 ประการ เพื่อฝึกจิตใจและเป็นการเพิ่มระดับศีลธรรมให้ตัวเรามองอะได้เข้าใจง่ายมากขึ้น ทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เข้ามากระทบ สามารถมองถึงต้นเหตุและรู้วิธีในการแก้ปัญหาได้ ในภาษาธรรมเรียกว่า อริยสัจ4 ซึ่งได้แก่ ทุกข์-ปัญหาที่เกิดขึ้น  สมุทัย-เหตุของปัญหาหรือที่มาของปัญหา  นิโรธ-เข้าใจในปัญหาและมองให้ออกถึงปัญหา  มรรค-วิธีแก้ปัญหา  ศีลธรรมช่วยให้เราทำความเข้าใจในธรรมชาติของสิ่งต่างๆได้มากขึ้น รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ หากมองไปที่คนมีสติปัญญาเท่ากันหรือแม้แต่คนในสังคมเดียวกัน แต่คนที่มีศีลธรรมจะเข้าใจธรรมชาติและชีวิตได้ดีกว่าคนที่บกพร่องศีลธรรม 

นอกจากนี้ เราอาจเคยอยู่ในภาวะที่รู้ตัวว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรแต่ก็ยังทำ แบบรู้ดีแต่หยุดตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นเพราะเรามีสติ แต่คุณธรรมอาจยังไม่มากพอ หากเราฝึกให้มีศีลและคุณธรรมสม่ำเสมอ การรู้ตัวว่ากำลังคิดไม่ดี หรือกำลังจะทำในสิ่งที่ไม่ดี (การรู้เท่าทัน) ทำให้ความคิดไม่ดีเหล่านั้นหายไปอัตโนมัติโดยไม่ต้องพยายาม เรียกได้ว่าการมีศีลธรรมทำให้กระบวนความคิดพัฒนาตามจิตใจที่ฝึกดีแล้วนั่นเอง

หากคุณทำ DEMM สัก 3 เดือน คุณจะรู้สึกได้ว่า สมองมีความคิดที่ฉับไวและแหลมคมขึ้น มีสมาธิและสติมากขึ้น เครียดน้อยลง เข้าใจและมองธรรมชาติของสิ่งต่างๆได้คมขึ้น มองโลกในแง่บวกมากขึ้น แก้ปัญหาต่างๆในชีวิตเก่งขึ้น และจะไม่เอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานของชีวิตคนอื่น เห็นได้ว่า DEMM ไม่ได้ช่วยพัฒนาสมองเท่านั้น แต่ช่วยส่งผลในการเลือกใช้ชีวิตได้ดีขึ้นด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เห็นทีว่าการทำเพียงระยะสั้นๆคงไม่พอเสียแล้ว ทำกันไปยาวๆเลยดีกว่าค่ะ

scroll to top